ข้อมูล บทความมาตรฐาน

อะไร คือ ISO 22174:2024

ISO 22174:2024 คือมาตรฐานสากลที่กำหนด ข้อกำหนดทั่วไปและคำนิยาม สำหรับการใช้
ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส (Polymerase Chain Reaction – PCR) ในการ
ตรวจหาและหาปริมาณจุลินทรีย์ในห่วงโซ่อาหาร

สรุปประเด็นสำคัญของมาตรฐาน ISO 22174:2024:

· ขอบเขต: มาตรฐานนี้ใช้ได้กับการตรวจหาจุลินทรีย์และไวรัสในห่วงโซ่อาหาร ซึ่งรวมถึง:

o ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการบริโภคของมนุษย์

o ผลิตภัณฑ์สำหรับเป็นอาหารสัตว์

o ตัวอย่างสิ่งแวดล้อมในพื้นที่การผลิตและจัดการอาหารและอาหารสัตว์

o ตัวอย่างจากขั้นตอนการผลิตขั้นต้น

· ข้อกำหนดทั่วไป: มาตรฐานนี้ระบุข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการขยายพันธุ์ในหลอดทดลอง
ของลำดับกรดนิวคลีอิก (DNA หรือ RNA) โดยใช้เทคนิค PCR

· วัตถุประสงค์: จุดประสงค์หลักของมาตรฐานนี้คือเพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จากห้องปฏิบัติการต่างๆ
มีความ เทียบเคียงได้ และ ทำซ้ำได้

· การนำไปใช้: มาตรฐานนี้หรือบางส่วนของมาตรฐานนี้ สามารถนำไปใช้ในสาขาอื่นๆ
ของการวินิจฉัยด้วย PCR ได้โดยขึ้นอยู่กับการประเมินเป็นกรณีไป

· การแทนที่: ISO 22174:2024 เป็นฉบับที่สอง และ แทนที่ มาตรฐาน ISO 22174:2005

โดยรวมแล้ว ISO 22174:2024 เป็นมาตรฐานสำคัญสำหรับห้องปฏิบัติการและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของอาหารและอาหารสัตว์
โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความน่าเชื่อถือของการตรวจวิเคราะห์จุลินทรีย์ด้วยเทคนิค PCR

ความจำเป็นของ ISO 22174:2024 ต่อห้องปฏิบัติการ

แม้ว่าชื่อมาตรฐานจะเน้นที่ “ห่วงโซ่อาหาร” แต่หลักการและข้อกำหนดใน ISO 22174:2024 มีความสำคัญและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในห้องปฏิบัติการอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยาได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องปฏิบัติการที่ใช้เทคนิค PCR ซึ่งรวมถึง:

· ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์: ใช้ในการตรวจหาเชื้อก่อโรคต่างๆ ในตัวอย่างทางการแพทย์ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และปรสิต
การมีมาตรฐานนี้ช่วยให้ห้องปฏิบัติการมีแนวทางที่เป็นสากลในการดำเนินการตรวจ PCR ให้มีความน่าเชื่อถือและถูกต้อง

· ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์: รวมถึงห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาในหลากหลายสาขา เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ เกษตรศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม
ที่มีการใช้เทคนิค PCR ในการตรวจวิเคราะห์จุลินทรีย์ การปฏิบัติตามมาตรฐานช่วยให้ผลการวิเคราะห์มีความสอดคล้องกันและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

· ห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพ: ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่อาจมีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์
เช่น อุตสาหกรรมยา เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ต้องการการตรวจวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยาด้วยเทคนิค PCR

ทำไมห้องปฏิบัติการต้องประยุกต์ใช้ ISO 22174:2024?

· “สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยทางชีวภาพ: ลดความเสี่ยงจากการสัมผัสเชื้อโรคและสารอันตรายในห้องปฏิบัติการ”

·”ยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพ: ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

·”สร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ: แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามมาตรฐานสากล”

·”ตอบสนองต่อข้อกำหนดและกฎหมาย: เตรียมพร้อมสำหรับการตรวจสอบและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง”

·”เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ: สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและขยายโอกาสในการทำงานร่วมกับองค์กรอื่น ๆ”

จุดเด่นของมาตรฐาน ISO 22174:2024

1 คำจำกัดความของมาตรฐาน:

จุลชีววิทยาในห่วงโซ่อาหารและ PCR มาตรฐาน ISO 22174:2024 มีชื่อเต็มว่า “จุลชีววิทยาในห่วงโซ่อาหาร – ปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรส (PCR)
สำหรับการตรวจหาและหาปริมาณจุลินทรีย์ – ข้อกำหนดทั่วไปและคำจำกัดความ” ชื่อที่ละเอียดนี้ชี้ให้เห็นถึงการมุ่งเน้นเฉพาะทางอย่างสูง
ในเทคนิคการวิเคราะห์ที่สำคัญภายในบริบทของความปลอดภัยอาหาร มาตรฐานนี้ระบุข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการขยายลำดับกรดนิวคลีอิก
(DNAหรือ RNA) ในหลอดทดลอง โดยใช้เทคนิค PCR เพื่อทดสอบจุลินทรีย์และไวรัสจากห่วงโซ่อาหาร ซึ่งบ่งชี้ถึงบทบาทของมาตรฐาน
ในฐานะเอกสารพื้นฐานสำหรับขั้นตอนการปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการ วัตถุประสงค์หลักของมาตรฐานนี้คือเพื่อให้มั่นใจว่าผลการทดสอบที่ได้
จะสามารถเปรียบเทียบกันได้และมีความแม่นยำซ้ำได้ในห้องปฏิบัติการต่างๆ ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความสอดคล้องระหว่าง
ห้องปฏิบัติการและความน่าเชื่อถือของข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในด้านความปลอดภัยอาหาร

มาตรฐาน ISO 22174:2024 เป็นฉบับที่2 ของมาตรฐานนี้ โดยได้รับการเผยแพร่โดย ISO ในเดือนสิงหาคม 2024 และมีการนำไปใช้ในระดับประเทศ
เช่น BS EN ISO 22174:2024 (การนำไปใช้ในสหราชอาณาจักร) ซึ่งเผยแพร่โดย BSI ในเดือนกันยายน 2024 และ DIN EN ISO 22174:2025
(ฉบับภาษาเยอรมัน) ในเดือนมกราคม 2025 มาตรฐานฉบับใหม่นี้เข้ามาแทนที่มาตรฐานที่เกี่ยวข้องฉบับก่อนหน้า เช่น ISO 22174:2005,
ISO 22119:2011, ISO 20837:2006 และ ISO 20838:2006 การที่มาตรฐานนี้เป็นฉบับล่าสุดย่อมหมายความว่าแนวปฏิบัติ
และระเบียบวิธีที่ดีที่สุดได้รับการปรับปรุง ทำให้ ISO 22174:2024 เป็นเอกสารอ้างอิงที่เป็นปัจจุบันที่สุด

2 วัตถุประสงค์และความสำคัญต่อความปลอดภัยอาหารและการควบคุมคุณภาพ

มาตรฐานนี้เป็นทรัพยากรที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหาร ห้องปฏิบัติการ และหน่วยงานกำกับดูแล ลักษณะที่ครอบคลุม
ของมาตรฐานนี้เป็นกรอบการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวสำหรับการประยุกต์ใช้ PCR การนำมาตรฐานนี้ไปใช้ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ
ของการทดสอบทางจุลชีววิทยา ซึ่งเป็นพื้นฐานในการป้องกันโรคที่เกิดจากอาหารและรับรองความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้
มาตรฐานยังมีบทบาทสำคัญในการรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบียบความปลอดภัยอาหารระหว่างประเทศ และปรับปรุงกระบวนการควบคุมคุณภาพ
โดยรวมภายในองค์กร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณค่าเชิงกลยุทธ์นอกเหนือจากการประยุกต์ใช้ทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว การที่องค์กรนำระเบียบ
วิธีทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดที่ระบุไว้ใน ISO 22174:2024 มาใช้ จะช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรมอาหาร
ที่มีพลวัต ซึ่งเน้นย้ำถึงประโยชน์ทั้งในด้านการค้าและความปลอดภัย

3 ขอบเขตและการบังคับใช้

มาตรฐานนี้สามารถนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวาง ครอบคลุมผลิตภัณฑ์สำหรับบริโภคของมนุษย์และอาหารสัตว์ ตัวอย่างสิ่งแวดล้อม
ที่เก็บจากพื้นที่การผลิตและการจัดการอาหารและอาหารสัตว์ รวมถึงตัวอย่างจากขั้นตอนการผลิตขั้นต้น ขอบเขตที่กว้างขวางนี้
หมายความว่ามาตรฐานส่งผลกระทบต่อส่วนต่างๆ ของห่วงโซ่อุปทานอาหารนอกจากนี้ ข้อกำหนดบางประการของเอกสารนี้
หรือแม้แต่บางส่วนของเอกสาร อาจนำไปใช้กับจุลินทรีย์อื่นๆ หรือสาขาอื่นๆ ของการวินิจฉัยด้วย PCR ได้โดยขึ้นอยู่กับการประเมินเป็นกรณีไป
ซึ่งชี้ให้เห็นว่าหลักการพื้นฐานของมาตรฐานสามารถขยายไปได้นอกเหนือจากบริบทของห่วงโซ่อาหารโดยตรง

เจาะลึกในเทคนิค PCR ที่เกี่ยวข้องกับ ISO 22174:2024

เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายในการvalidateหรือverifyวิธีทดสอบอาหาร มาตรฐาน ISO 16140 series จึงมีการขยายเนื้อหาขึ้นมาเป็นลำดับ จนถึงปัจจุบัน ISO 16140 consists of 9 following parts, under the general title Microbiology of the food chain — Method validation:

· เป็นเทคนิค PCR พื้นฐานที่สุด โดยมีการเพิ่มจำนวน DNA เป้าหมายเป็นทวีคูณในหลอดเดียว และทำการวิเคราะห์ผลลัพธ์|
เมื่อสิ้นสุดกระบวนการ (end-point) โดยทั่วไปจะใช้การ electrophoresis บนเจล agarose
เพื่อตรวจสอบขนาดของ DNA ที่เพิ่มจำนวนได้

· ความเกี่ยวข้องกับ ISO 22174: มาตรฐานนี้กำหนดข้อกำหนดด้านความถูกต้อง ความแม่นยำ
และการควบคุมคุณภาพสำหรับการใช้conventional PCR ในการตรวจหาจุลินทรีย์ เช่น การมี control
ที่เหมาะสม (positive, negative, internal) เพื่อให้มั่นใจในความน่าเชื่อถือของผลลัพธ์

2. Real-time PCR (qPCR หรือ quantitative PCR):

· เป็นเทคนิคที่ช่วยให้สามารถติดตามและวัดปริมาณ DNA ที่เพิ่มขึ้นได้แบบเรียลไทม์ (ในแต่ละรอบของการเพิ่มจำนวน)
โดยใช้สารเรืองแสง (fluorescent dyes หรือ probes) ซึ่งให้สัญญาณเรืองแสงที่สัมพันธ์กับปริมาณ DNA ที่เกิดขึ้น

· ความเกี่ยวข้องกับ ISO 22174: qPCR มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการหาปริมาณจุลินทรีย์ตาม
ที่ระบุในชื่อมาตรฐาน ISO 22174:2024 มาตรฐานจะให้แนวทางเกี่ยวกับ:

o การสอบเทียบ (calibration) และการสร้าง standard curve เพื่อให้การหาปริมาณมีความถูกต้อง

o การประเมินประสิทธิภาพของปฏิกิริยา PCR (PCR efficiency)

o การวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการกำหนด Ct value (cycle threshold) และการคำนวณปริมาณ

o การรายงานผลการหาปริมาณที่ชัดเจนและมีความน่าเชื่อถือ

3. Reverse Transcription PCR (RT-PCR):

· เป็นเทคนิคที่ใช้ในการตรวจหาและหาปริมาณ RNA โดยขั้นตอนแรกจะทำการสังเคราะห์
cDNA (complementary DNA) จาก RNA โดยใช้เอนไซม์ reverse transcriptase จากนั้นจึงนำ cDNA ที่ได้ไปเพิ่มจำนวนด้วย PCR

· ความเกี่ยวข้องกับ ISO 22174: RT-PCR มีความสำคัญในการตรวจหาไวรัส RNA หรือจุลินทรีย์ที่มี RNA เป็นสารพันธุกรรม
หรือในการศึกษาการแสดงออกของยีน มาตรฐานจะครอบคลุมข้อกำหนดเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเอนไซม์
reverse transcriptase และการควบคุมคุณภาพของขั้นตอน RT

4. Digital PCR (dPCR):

· เป็นเทคนิคที่ทำการแบ่งปฏิกิริยา PCR ออกเป็นจำนวนนับพันถึงล้านๆ ส่วน (partitions) แต่ละส่วนจะมี DNA เป้าหมายเป็นศูนย์
หนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งโมเลกุล หลังจาก PCR เสร็จสิ้น จะมีการนับจำนวน partitions ที่ให้ผลบวก (มี fluorescence)
เพื่อหาปริมาณ DNA เป้าหมายแบบ absolute (ไม่ต้องใช้ standard curve)

· ความเกี่ยวข้องกับ ISO 22174: dPCR เป็นเทคนิคที่มีความแม่นยำสูงในการหาปริมาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปริมาณเป้าหมายน้อย
หรือเมื่อต้องการความแม่นยำในการวัด fold change เล็กน้อย มาตรฐาน ISO 22174:2024 จะให้แนวทางเกี่ยวกับการออกแบบการทดลอง
dPCR การวิเคราะห์ข้อมูล และการรายงานผล

บางประเด็นสำคัญ ที่ ISO 22174:2024 ครอบคลุมเกี่ยวกับเทคนิค PCR

· การออกแบบ Primers และ Probes: มาตรฐานให้แนวทางในการออกแบบ primers และ probes ที่มีความจำเพาะสูงกับเป้าหมาย
และหลีกเลี่ยงการเกิด primer-dimer หรือการเพิ่มจำนวนที่ไม่จำเพาะ

· การเตรียมตัวอย่าง (Sample Preparation): แม้ว่า ISO 22174 จะเน้นที่เทคนิค PCR แต่ก็ตระหนักถึงความสำคัญ
ของการเตรียมตัวอย่างที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ PCR ที่น่าเชื่อถือ

· การควบคุมการปนเปื้อน (Contamination Control): มาตรฐานให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการป้องกันการปนเปื้อนของ DNA/RNA ภายนอก
ซึ่งอาจนำไปสู่ผลบวกลวง มาตรฐานจะแนะนำแนวทางการปฏิบัติที่ดี เช่น การแยกพื้นที่ทำงาน การใช้ consumables
ที่ปราศจากเชื้อ และการมี negative controls ที่เหมาะสม

· การตรวจสอบความถูกต้องของวิธี (Method Validation): ISO 22174:2024 จะอ้างอิงถึงมาตรฐาน ISO 16140 series
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบความถูกต้องของวิธีทางจุลชีววิทยา รวมถึงวิธีที่ใช้เทคนิค PCR

· การประกันคุณภาพ (Quality Assurance): มาตรฐานกำหนดให้ห้องปฏิบัติการต้องมีระบบประกันคุณภาพที่ครอบคลุมถึงการสอบเทียบเครื่องมือ
การควบคุมคุณภาพ reagents และการฝึกอบรมบุคลากร

ISO 16140 series

Introduction
Reference and alternative microbiological methods User laboratory methods

ในปัจจุบัน แนวโน้มการบริโภคอาหารแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำกัน รวมทั้งกระแสโลกาภิวัฒน์ของแหล่งอาหาร และเชื้อโรคที่เกิดขึ้นใหม่ นำมาซึ่งความท้าทายใหม่ๆและความต้องการร่วมกันที่จะพยายามยกระดับความปลอดภัยของอาหาร ผู้ผลิตอาหารและหน่วยงานกำกับดูแลต้องการความมั่นใจในความเชื่อถือได้และความเหมาะสมของวิธีทดสอบทางจุลชีววิทยาที่ใช้ในโปรแกรมการเฝ้าระวังการจัดการด้านความปลอดภัยของอาหาร

การยอมรับผลทดสอบที่ใช้ตัดสิน สเปคด้านจุลชีววิทยาของสินค้าอาหาร

มาตรฐาน ISO 16140 series

เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายในการvalidateหรือverifyวิธีทดสอบอาหาร มาตรฐาน ISO 16140 series จึงมีการขยายเนื้อหาขึ้นมาเป็นลำดับ จนถึงปัจจุบัน ISO 16140 consists of 9 following parts, under the general title Microbiology of the food chain — Method validation:

· Part 1:2016 Vocabulary
· Part 2:2016 Protocol for the validation of alternative (proprietary) methods against a reference method
· Part 3: Protocol for the verification of reference methods andvalidated alternative methods in a single laboratory
AMENDMENT 1: Protocol for verification of validated identification methods of microorganisms
· Part 4: Protocol for method validation in a single laboratory
AMENDMENT 2: Protocol for single-laboratory validation of identification methods of microorganisms
· Part 5:2020 Protocol for factorial interlaboratory validation of non-proprietary methods
· Part 6:2019 Protocol for the validation of alternative (proprietary) methods for microbiological confirmation and typing
· ISO 16140-7:2024 Protocol for the validation of identification methods of microorganisms
· ISO/AWI 16140-8 Protocol for the validation of alternative methods against a reference method for viruses or parasites
· ISO 16140 – 9: Protocol for the validation of alternative methods for preformed bacterial toxins and biogenic amines in food intended for human consumption

Reference and alternative microbiological methods

Reference and alternative(Proprietary) methods ซึ่งผลที่ได้จาากการทำมาตรฐานเหล่านี้คือวิธีทดสอบที่ผ่านการตรวจสอบความใช้ได้แล้ว (Validatedmethods) และมาตรฐานภาคบังคับลำดับต่อมากับ Reference and alternative(Proprietary) methods คือการใช้วิธีทดสอบต่างๆที่ห้องปฏิบัติการคัดเลือกมา ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ทั้งนี้ IOS 16140-3 จะมีรายระเอียดของขั้นตอนในการทวนสอบยืนยัน Validated methods ต่างๆที่ห้องปฏิบัติการคัดเลือกมาใช้งาน ซึ่งจะตอกย้ำความมั่นใจในประสิทธิภาพของวิธีทดสอบที่คัดเลือกมาใช้เพื่อยืนยันความปลอดภัยของอาหาร
      หลักการทั้งไปสำหรับ method verification คือ วิธีทดสอบที่จะ verified (ไม่ว่าจะเป็น alternative หรือ reference method) จะต้องได้รับการ validate แล้ว อย่างไรก็ตาม วิธี reference method บางวิธี (รวมถึงมาตรฐาน ISO หรือ CEN) ที่ยังไม่ fully validate ซึ่งการ verify วิธีทดสอบเหล่านี้

วิธีทดสอบด้านจุลชีววิทยาแบ่งออกเป็น Reference methods และValidated alternative methods.

A.Reference methods are usually national/international standardised methods based on scientific expertise and approval by national/international consensus as specified in ISO 17468:2016. The use of such methods is mandated in Europe by regulation (EC 2073/2005).A.Reference methods are usually national/international standardised methods based on scientific expertise and approval by national/international consensus as specified in ISO 17468:2016. The use of such methods is mandated in Europe by regulation (EC 2073/2005).

B.Alternative methods(validated) , however, usually provide results within a shorter timeframe and tend to be more user friendly. The standard ISO 16140 was subsequently published in 2003 and was endorsed by European regulation (EC 2073/2005). The success of ISO 16140 was confirmed by the validation of a range of alternative methods over the following decade.

In 2005, a revision of ISO 16140 was initiated to include improved statistical approaches, acceptability limits and alignment with AOAC INTERNATIONAL Microbiology Method Guidelines. The first phase of the SC9 activities comprised the update of ISO 16140 (ISO 16140-2) and the addition of a new part: ISO 16140 1, which is focused on definitions. Both ISO 16140-1 and ISO 16140-2 were published in 2016. ISO 16140-2 :2016 Protocol for the validation of alternative (proprietary) methods against a reference method

Method validation – Alternative methods

ProprietaryMethods

1. ISO 16140-2:2016
‘Microbiology of the food chain — Method validation — Part 2: Protocol for the validation of
alternative (proprietary) methods against a reference method’

This document specifies the general principle and the technical protocol for the validation
of alternative, mostly proprietary, methods for microbiology in the food chain.

2. ISO 16140-6:2019
‘Microbiology of the food chain — Method validation — Part 6: Protocol for the validation of
alternative (proprietary) methods for microbiological confirmation and typing procedures’

This document specifies the general principle and the technical protocol for the validation
of alternative confirmation methods for microbiology in the food chain.

Alternative methods Validation & Verification

ProprietaryMethods

Certification bodies: using ISO 16140-2 and ISO 16140-6 Method validation certificates and reports on their websites:
· https://microval.org/en/issued-certificates/
· https://nf-validation.a fnor.org/en/food-industry/#discover-certified-methods
· https://www.nmkl.org/index.php/en/nordval

เช่น

Our Assurance® GDS Salmonella kits have been validated for a range of sample sizes and multiple sample matrices, including Meat, Poultry, Dairy, RTE Meat, Produce, Seafood, Eggs, Infant Formula, Chocolate and Environmental Surfaces. AFNOR TRA 02/12-01/09 and MicroVal 2015LR50

Alternative methods

in housed methods

      1. ISO 16140-4: Protocol for single-laboratory (in-house) method validation

จะระบุถึงการทำ Validate ของ method ภายใน single laboratory ผลลัพธ์จึงใช้ได้เฉพาะกับห้องปฏิบัติการที่ทำการศึกษาเท่านั้น ในกรณี verification ตามที่อธิบายไว้ใน ISO16140-3 จะไม่ต้องใช้

2. ISO 16140-5 : Protocol for factorial interlaboratory validation of non-proprietary methods

จะระบุถึงการทำ validate non-proprietary methods ซึ่งต้องการทำ validation ให้รวดเร็วกว่าเดิม หรือเมื่อวิธีที่  validate นั้นต้องการความเฉพาะ(specialize)สูง และจำนวนห้องปฏิบัติการที่ต้องเข้าร่วมตามข้อกำหนด ISO 16140-3 จะไม่ต้องใช้กับ lab ที่ทำ validate non-proprietary methods แต่ verification จะใช้กับlab ที่ไม่ได้ทำ validate กับ non-proprietary methods นั้น ทั้งนี้ ISO16140-4 และ ISO 16140-5 ยังสามารถทำ validate ร่วมกับreference method ได้นอกจากนี้ยังสามารถใช้ ISO 16140-4 (ที่เป็นทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ) และ ISO 16140-5 (ที่เป็นเชิงปริมาณเท่านั้น) ในการทำ validate โดยไม่ต้องใช้ reference method

3. ISO 16140-7:2024 Protocol for the validation of identification methods of microorganisms

ISO 16140-7 กล่าวถึงการทำ validation ของขั้นตอนการ identification (เช่น molecular identification โดยใช้ multiplex PCR หรือDNA
sequencingหรือmass spectrometry) เอกสารนี้แตกต่างจากส่วนอื่นๆในชุด ISO 16140 เนื่องจากมีไว้สำหรับ identification เชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่มีวิธีอ้างอิง ดังนั้นจึงไม่สามารถดำเนินการศึกษาเปรียบเทียบวิธีได้ การทำ validation study ของISO 16140-7 จะระบุ หลักการของวิธีการ identification สามารถใช้ได้ (validly) กับสายพันธุ์ที่ recovered บน agars ที่ขึ้นนั้น และใช้แสดงให้เห็นเพื่อการยอมรับได้ภายใต้การทำ validation study นี้

4. ISO/AWI 16140-8 Protocol for the validation of alternative methods against a reference method for viruses or parasites Draft Decision 6/2024

ISO/NP 16140-8 กล่าวถึงการ validation ของ alternative methods
สำหรับตรวจไวรัสและปรสิตเมื่อเทียบกับ reference method เอกสารนี้ครอบคลุมถึงการทดสอบด้านไวรัสวิทยาหรือปรสิตวิทยา การออกแบบทางสถิติ และการวิเคราะห์ทางสถิติที่ได้ระบุไว้ในแต่ละส่วน เอกสารที่เสนอที่ประชุมประกอบด้วยการออกแบบการทดลอง การวิเคราะห์ทางสถิติของข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ และภาพรวมของแนวคิดทางสถิติเกี่ยวกับการสุ่มตัวอย่าง ความหลากหลายของตัวอย่าง ความเสถียรของตัวอย่าง การออกแบบการทดลอง และองค์ประกอบของความแปรปรวน มีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการเมื่อเทียบกับความสามารถในการนำไปใช้ของ ISO 16140-2:2016

      5. ISO 16140 – 9: Protocol for the validation of alternative methods for preformed bacterial toxins and biogenic amines in food            intended for human consumption

เอกสารนี้ระบุหลักการทั่วไปและขั้นตอนทางเทคนิคที่ใช้กับการทำ validation ของ alternative, proprietary and non-proprietary methods สำหรับ detection, quantification และ typing of known preformed bacterial toxins หรือ known biogenic amines ที่มีไว้สำหรับการบริโภคของมนุษย์ กระบวนการทำ validation ที่อธิบายไว้ สามารถนำไปใช้ทำ validate ของ bacterial culture supernatant ได้ด้วย การทำ Validation studies นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้องค์กรที่เกี่ยวข้องในการทำ method validation นำไปดำเนินการ

ในภาพรวม วิธีทดสอบแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

1. Reference methods.

ISO 16140-1:2016 ระบุว่า คือ “วิธีทดสอบที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย” และในหมายเหตุขยายความว่า “วิธีทดสอบเหล่านี้คือ ISO standards และ standards ที่ตีพิมพ์โดย ISO และ CEN หรือ regional/national standards ที่มีสถานะเทียบเท่า ใน ISO 16140 series นั้น reference methods จะหมายถึง standardized reference methods ของ ISO & CEN ตามขั้นตอนที่ระบุใน ISO 17468:2016: Technical requirements and guidance on establishment or revision of standardized reference methods)

2. Alternative method (วิธีทดสอบทางเลือกอื่นที่ต้องทำ validate)

ISO 16140-1:2016 ระบุว่า คือ “วิธีทดสอบที่ตรวจ analyte ใน category of products และต้องให้ผลการทดสอบจากการ validate ที่สอดคล้องกับ reference method” นอกจากนี้ยังมีหมายเหตุเพิ่มเติมว่า: “Alternative method อาจเป็น proprietary method วิธีทางการค้า คำว่า ‘Alternative’ จะหมายถึงขั้นตอนการทดสอบและระบบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือสิ่งอื่นที่จำเป็นสำหรับการใช้งานวิธีทดสอบ

Method verification จะนำไปใช้กับวิธีทดสอบที่เป็น

1. reference methods

รวมถึงวิธีมาตรฐานของ ISO หรือ CEN standards ที่ validate โดยอย่างน้อยทำ interlaboratory study

2. alternative methods, proprietary หรือวิธีทดสอบอื่น, ที่ validate แล้วโดยมีการทำ interlaboratory study วิธีทดสอบ validate ตาม

· ISO 16140-2 สำหรับalternative (proprietary) methods หรือ
· ISO 16140-5 สำหรับnon-proprietary methods หรือ
· ISO 16140-6 สำหรับalternative (proprietary) confirmation and typing methods

16140-3: 2021 Protocol for the verification of reference1 and validated alternative2 methods implemented in a single laboratory

verification: การแสดงให้เห็นว่าvalidated method ที่ดำเนินการโดย มือของผู้ใช้งาน เป็นไปตาม method’s specifications ที่ได้กำหนดใน validation study และเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ (จาก ISO 16140-1:2016 )

ISO 17025 requirement

ห้องปฏิบัติการต้องทวนสอบว่าสามารถปฏิบัติตามวิธีต่างๆ ได้อย่างถูกต้องก่อนใช้งาน

โดยทำให้มั่นใจว่าสามารถบรรลุผลการปฏิบัติงานได้ตามต้องการ บันทึกต่างๆ ของการทวนสอบต้องถูกเก็บไว้ ถ้าวิธีต่างๆ ถูกทบทวนโดยหน่วยงานที่ออกเอกสารนั้น ห้องปฏิบัติการต้องทวนสอบซ้ำในขอบเขตที่จำเป็นต่อการใช้งาน

there was no ISO standard or technical guideline internationally accepted for that purpose. Of course, it is the responsibility of the accreditation bodies to look upon the ISO 16140-3 standard as normative. This is very likely to happen for laboratories who have an accreditation in food microbiology as the ISO 16140-3 standard is specifically developed to fill the gap.”

การตรวจสอบความใช้ได้ของวิธี

1. ห้องปฏิบัติการต้องตรวจสอบความใช้ได้ของวิธีวิถีที่ไม่ใช่มาตรฐาน วิธีที่ ห้องปฏิบัติการพัฒนาขึ้นมา และวิธีมาตรฐานที่ใช้นอกขอบข่ายที่กำหนดไว้หรือ เปลี่ยนแปลงไป การตรวจสอบความใช้ได้จะต้องมีขอบข่ายตามจำเป็นเพื่อให้สอดคล้องตามความ ต้องการของการใช้งานที่กำหนดไว้หรือตามสาขาที่ใช้งาน
หมายเหตุ 1 การตรวจสอบความใช้ได้ รวมถึงขั้นตอนการสุ่มตัวอย่าง การจัดการและ การจัดส่งตัวอย่างทดสอบหรือสอบเทียบ

2. กรณีมีการเปลี่ยนแปลงวิธีที่ได้รับการตรวจสอบความใช้ได้แล้ว จะต้องมีการ พิจารณาถึงอิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และจะต้องมีการตรวจสอบความ ใช้ได้ซ้ำใหม่ เมื่อพบว่ามีผลกระทบต่อการตรวจสอบความใช้ได้เดิมที่ทำไว้

3 คุณลักษณะทางความสามารถต่างๆ ของการตรวจสอบความใช้ได้ ตามที่ได้ประเมินเพื่อ ใช้งานตามที่ตั้งใจไว้ จะต้องสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและสอดคล้องตาม ข้อกำหนดต่างๆ ที่ระบุไว้
หมายเหตุ คุณลักษณะทางความสามารถต่างๆ รวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ ได้แก่ measurement range, accuracy, measurement uncertainty of the results, limit of detection, limit of quantification, selectivity of the method, linearity, repeatability or reproducibility, robustness against external influences or cross-sensitivity against interference from the matrix of the sample or test object, and bias.

4.ห้องปฏิบัติการต้องเก็บบันทึกการตรวจสอบความใช้ได้ของวิธี ดังนี้:
      · ขั้นตอนการตรวจสอบความใช้ได้ที่ใช้
      · ข้อกำหนดรายการ(สเปค)ของข้อกำหนดต่างๆ
      · การกำหนดคุณลักษณะทางความสามารถต่างๆ ของวิธี
      · ผลต่างๆ ที่ได้
      · ข้อความระบุเกี่ยวกับความถูกต้องใช้ได้ของวิธี ซึ่งมีรายละเอียดความเหมาะสมสำหรับการใช้งานตามที่ตั้งใจไว้

ตัวอย่างที่ใช้ทำ Validation & Verification ใน ISO 16140 series

ใน validation study เป็นไปไม่ได้ที่จะทดสอบอาหารที่มีอยู่ทั้งหมดในโลกที่มีความหลากหลาย แต่จำนวน ของตัวอย่างที่ใช้ใน validation study มีจำกัด ดังนั้นส่วนมาก validation study จึงยึดตาม food categories ที่แตกต่างกัน 15 ประเภท (categories ตามที่กำหนดไว้ใน ISO 16140-1:2016 ข้อ2.11 และ ระบุไว้ใน ISO 16140-2:2016 ภาคผนวก A) นอกจากนี้บางครั้ง validation ก็เสริมด้วย categories ที่ไม่ใช่อาหารเพิ่มเติม เช่น categories ที่เป็น pet food & animal feed, environmental samples (ของfood หรือ feed production), และ primary production samples

เมื่อทำการ validate วิธีทดสอบด้วย categories ที่แตกต่างกันอย่างน้อย 5categories จะถือว่าวิธี ทดสอบดังกล่าวได้รับการ validated สำหรับ “broad range of foods” แม้ว่าจะมีการทดสอบ food categories เพียง 5 ประเภทของการทำ validation study แต่คาดว่าวิธีทดสอบนี้จะใช้ได้กับตัวอย่าง อาหารทุกประเภทใน 15 food categories ตามที่ระบุใน ISO 16140-2: 2016, Annex A กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ “ขอบเขต” การทำ validation ของวิธีทดสอบอาหารที่หลากหลาย categories นั้น มีความสอดคล้องกับอาหาร 15 food categories ตามที่ระบุใน ISO 16140-2: 2016, Annex A Scope ของการทำ validation มี ความสำคัญต่อการเลือก categories, types และ items สำหรับ verify

Validation & Verification

Scope ของวิธีทดสอบ

Broad Range of Foods claim = 5 CATEGORIES of food:

· At least 3 food types within EACH category
· Test 20 items (samples) of EACH food type within the category
· = 60 results from different samples within EACH category

หมายเหตุ 1: ในเอกสารนี้ คำว่า “category” “type” หรือ “item” บางครั้งอาจรวมกับคำว่า “(food)” เพื่อให้เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม คำว่า “(food)” สามารถใช้แทนซึ่งกันและกัน ได้กับคำว่า “(feed)” และใช้แทนซึ่งกันและกันได้กับส่วนอื่นๆ ของห่วงโซ่อาหารตาม

หมายเหตุ 2: หลักการทั่วไปสำหรับ method verification คือ วิธีทดสอบที่จะ verified (ไม่ว่าจะเป็น alternative หรือ reference method) จะต้องได้รับการ validate แล้ว อย่างไรก็ตาม วิธี reference method บางวิธี (รวมถึงมาตรฐาน ISO หรือ CEN) ที่ยังไม่ fully validate

วิธีทดสอบใดๆ ก่อนที่จะใช้ในห้องปฏิบัติการ จำเป็นต้องมีการดำเนินการดังนี้

· ขั้นตอนแรกคือการ validate วิธีทดสอบ โดยทำการศึกษาใน single laboratory ตามด้วย interlaboratory study (กรณี ISO 16140-2, ISO 16140-5 และ ISO 16140-6) ในกรณีที่วิธี ทดสอบทำการ validate โดย single laboratory (กรณี ISO 16140-4) ไม่ต้องทำ interlaboratory study
· ขั้นตอนที่สองคือการ verify วิธีทดสอบ ซึ่งห้องปฏิบัติการต้องแสดงผลให้เห็นว่าสามารถดำเนินการ ตามวิธีทดสอบที่ validate แล้วได้อย่างพอใจ ซึ่งขั้นตอน verify วิธีทดสอบได้อธิบายไว้ในเอกสารนี้ (ISO 16140-3) การทำ Verification นี้ใช้เฉพาะกับวิธีทดสอบที่ validate โดย interlaboratory study เท่านั้น
· = 60 results from different samples within EACH category


Scope ของการทดสอบจะใช้ทำ validation และ Verification Scope ของการทดสอบจะระบุด้วย categories

scope ที่สามารถนำมาใช้ได้กับวิธีทดสอบจะระบุเป็น (group of) products หรือ categories หรือ types หรือ items ซึ่ง scope ต่างๆ นั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทที่มีความแตกต่างกัน ดังนี้

· scope ของวิธีทดสอบ หมายถึง (group of) products หรือ categories หรือ items ซึ่งวิธีทดสอบ claim ว่าสามารถนำมาใช้ได้กับ scope นั้น (15 Food Cat.+3 NFC)
· scope ของการทำ validation หมายถึง (group of) products หรือ categories หรือ types หรือ items ซึ่งการใช้งานของวิธีทดสอบ claim ว่า validate แล้วตาม scope นั้น

หมายเหตุ การระบุ (claim) scope of validation นั้น ส่วนมากแล้ว scope of validation จะ claim ครอบคลุมกว้างเกิน products ที่ทำ validation study ตัวอย่างเช่น ในกรณีของ alternative (proprietary) methods ที่ validate ตาม ISO 16140-2:2016 ถ้าใช้อย่างน้อย 5 food categories—แต่ละ category ใช้อย่างน้อย 3 food types และนำมาทดสอบตาม validation study แล้ว scope ของ การทำ validation คือ “broad range of foods” (ดังนั้นทั้ง 15 food categories ก็จะระบุ (claim) ได้เลยว่าเป็น scope of validation) หากทำการทดสอบ < 5 food categories แล้ว scope of validation จะ จำกัดเฉพาะ food categories ที่ทำ validation นั้น เท่านั้น “limited range of foods”

· scope ของการประยุกต์ใช้ในห้องปฏิบัติการ : หมายถึง (group of) products หรือ categories หรือ types หรือ items ซึ่งห้องปฏิบัติการ claim ว่าสามารถใช้วิธีทดสอบได้ กับ scope of validation

“Broad Range of Foods” Or limited range of foods

สรุปง่ายๆ คือ…scope ของวิธีทดสอบจะกำหนด (food) categories ที่สามารถใช้วิธีทดสอบนั้นได้ และเนื่องจาก (food) categories มีหลากหลาย ดังนั้น เราจึงแบ่ง scope ต่างๆ ที่ใช้กับ (food) categories ดังนี้

· scope ของวิธีทดสอบที่ระบุ (food) categories ที่วิธีทดสอบนั้นสามารถใช้งานได้ (แต่บาง (food) categories อาจไม่มีข้อมูลการ validate ครบถ้วน)
· Scope ของ validation ที่ระบุ (food) categories ที่มีข้อมูลการ validate แล้ว
· scope ของการประยุกต์ใช้ในห้องปฏิบัติการ ระบุ (food) categories ที่วิธีทดสอบนั้นสามารถใช้งานได้โดยที่ต้องอยู่ใน scope ของการทำ validation category

ตัวอย่าง ของ different scopes ที่ Overlap

ในขณะที่เผยแพร่เอกสาร ISO 16140-3 นี้ reference method บางวิธี ยังไม่ได้รับการ validated (อย่างสมบูรณ์) ดังนั้นจึงอยู่นอก scope ของเอกสารนี้ เป็นที่ยอมรับว่าองค์กรมาตรฐาน (รวมถึงคณะกรรมการ ISO และ CEN) จะต้องใช้เวลาในการ validate กับ reference methods
      ดังนั้น non-validated reference methods (รวมถึงมาตรฐาน ISO หรือ CEN standards) จะได้รับการ verified โดยห้องปฏิบัติการของผู้ใช้งานตามโปรโตคอลเฉพาะ (ดูภาคผนวก F) เป็นการชั่วคราว จนกว่าวิธีทดสอบเหล่านี้จะได้รับการ validate โดยคณะกรรมการ ISO หรือ CEN

      หากมี reference method การทำ validate ของวิธีทดสอบที่ห้องปฏิบัติการที่ใช้ alternative method จะดำเนินการโดยการเปรียบเทียบ alternative method กับ reference method การทำ validate นี้จะเอาตัวอย่างที่ปนเปื้อนตามธรรมชาติเข้ามาใช้ในกระบวนการ validate ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้เห็นภาพความสามารถของวิธีได้สมจริงยิ่งขึ้น
      หากไม่มี reference method กระบวนการทำ validate จะต้องใช้ตัวอย่างที่ทราบระดับ การปนเปื้อนเท่านั้น เอกสารนี้ให้แนวทางปฏิบัติสำหรับทั้งมี reference method และไม่มี reference method
      หลักการทั่วไปสำหรับการทำ validate ของวิธีทดสอบในห้องปฏิบัติการเดียว (ISO 16140-4) จะเหมือนกับหลักการที่อธิบายไว้ใน ISO 16140-2 ที่ทำ validate วิธีทดสอบ alternative (proprietary) methods เทียบกับ reference method

รูปแบบ(protocols) ของการทำ Validation ใน ISO 16140:2020-4

      กรณีทำ Validation เทียบกับ reference method

      · ใช้ protocols factorial
      · ใช้ protocols conventional
กรณีทำ Validation โดยไม่เทียบกับ reference method
      · ใช้ protocols factorial
      · ใช้ protocols conventional